double action เมื่อเธอกับฉันรวมเป็นหนึ่ง - double action เมื่อเธอกับฉันรวมเป็นหนึ่ง นิยาย double action เมื่อเธอกับฉันรวมเป็นหนึ่ง : Dek-D.com - Writer

    double action เมื่อเธอกับฉันรวมเป็นหนึ่ง

    เมื่อมาริสะโดนผนึกวิญญาณลงการ์ด เรย์มุจึงต้องไปหาพาชูวลี่เพื่อหาวิธีช่วย แต่เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ แล้วเมื่อทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง ปาฏิหารย์ก็บังเกิด...

    ผู้เข้าชมรวม

    230

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    230

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ค. 53 / 00:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
                 วันนี้เกนโซเคียวก็ยังสงบสุขเหมือนดั่งเช่นทุกวัน 

                ใช่แล้ว  เรย์มุคิดแบบนั้น  มันควรจะเป็นแบบนั้นสิถึงจะดีที่สุด

                แต่น่าเศร้าที่เรื่องวุ่นวายมักเกิดขึ้นเสมอ  ใหญ่บ้างเล็กบ้าง  ถึงแม้คราวนี้ดูท่าจะไม่ใหญ่นัก  แต่ก็ดูเหมือนจะมีปัญหาชวนปวดหัวเข้ามาอีกแล้ว

                 แล้วไง ?  ตกลงว่ายัยบ้านี่ไปทำอะไรมาอีกล่ะ ?

                มิโกะขาวแดงแห่งฮาคุเรย์ถามไปยังเจ้าของร้านโควรินโด  รินโนสุเกะที่นั่งเฝ้าร่างไร้สติของมาริสะด้วยใบหน้าเซ็งไม่แพ้กัน

                มาริสะนอนหลับด้วยใบหน้านิ่งสงบอยู่บนเตียง  สงบนิ่งเหมือนกับเป็นเจ้าหญิงนิทราในนิทาน  ในมือถือยังเสปลการ์ดที่ไม่คุ้นตาใบหนึ่งอยู่ด้วย

                 เมื่อเช้ามาริสะแย่งการ์ดของฉันไป  ดูเหมือนว่ายัยนั่นจะเข้าใจว่าเป็นสินค้าไหม่ในร้านน่ะนะ  ชั้นยังไม่ทันได้เตือนก็เผ่นหนีไปซะแล้ว  แล้วพอตามไปก็เจอมาริสะนอนนิ่งอยู่ในสภาพนี้เนี่ยแหละ

                 เพราะการ์ดนี่น่ะรึ ?  แล้วมันเป็นการ์ดอะไรกันล่ะ ?

                รินโนสุเกะขยับแว่นให้เข้าที่  ทำหน้าเซ็งๆแล้วตอบว่า

                 การ์ดกักวิญญาณ  เป็นการ์ดที่สามารถขังวิญญาณหรือสลับสับเปลี่ยนวิญญาณของคนได้น่ะสิ

                 สรุปว่ามาริสะโดนกักไว้ในการ์ดนี่สินะ ?

                 ดูท่าจะเป็นงั้นแหละ

                 แล้ววิธีเอาวิญญาณกลับล่ะ ?

                รินโนสุเกะส่ายหน้าตอบสั้นๆว่า ไม่รู้

                 หา ?  ไม่รู้ ?

                 ก็ใช่น่ะสิ  ด้วยความสามารถของฉันก็รู้แค่ความสามารถของมันนี่แหละ  ไม่รู้วิธีใช้หรอก  ถึงจะรู้แล้วข้อนึงว่าคนที่ใช้จะโดนมันกักวิญญาณไว้ก็เถอะ

                มิโกะสาวเกาหัวแกรกๆ  พลางบ่นพึมพัม

                 แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย ?  ปล่อยเอาไว้ดีมะ ?  เอาไว้ซักวันรู้วิธีค่อยเอาวิญญาณกลับ  แถมดูท่าแบบนี้ก็สงบสุขดีด้วย

                 เฮ้ๆ  อย่าพูดเล่นสิ  ขืนปล่อยไว้นานๆมาริสะก็ได้ตายเพราะร่างกายอ่อนแอกันพอดี  ร่างที่ไม่มีวิญญาณจะพลังงานตกลงได้ง่ายกว่าปกติเธอก็รู้ไม่ใช่รึไง

                 ช่วยไม่ได้นี่  ก็มันทำอะไรไม่ได้นี่นา  ทั้งชั้นทั้งนายก็ไม่รู้วีใช้มันซะด้วย  หรือนายจะลองเป็นเจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิงนิทราดูล่ะ  แบบนั้นอาจจะเวิร์คก็ได้นะ

                 ขอผ่านล่ะ  ชั้นยังไม่อยากโดนยัยนี่ฆ่าเอาทีหลัง  เราลองไปถามคนอื่นที่น่าจะรู้เรื่องการ์ดนี่น่าจะดีกว่ามั้ง

                 ใครล่ะ ?

                 ก็โยวไคที่ชอบหมกตัวในห้องสมุดบ้านมารแดงไง  ได้ยินว่าเธอคนนั้นมีความรู้ของหนังสือนับหมื่นเล่มอยู่ในหัวเชียวนะ  อาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้

                 ก็ดีนี่  งั้นนายไปก็แล้วกัน  ชั้นจะได้กลับบ้านไปนอนต่อ

                 “…ถ้าทำงั้นได้ก็ไม่ต้องลำบากหรอก  ไอ้ชั้นมันก็ไม่ค่อยจะรู้จักกับคนที่นั่นซะด้วย  แล้วก็ดูท่าว่ามาริสะจะชอบไปก่อเรื่องที่นั่นอยู่เรื่อยซะด้วย  ขืนไปบอกว่าขอให้มาช่วยมาริสะหน่อย  ดีไม่ดีจะโดนพวกนั้นรุมยำมาริสะม่องไปซะก่อนน่ะสิ

                 เพราะงั้นก็เลยจะให้ชั้นเป็นคนไปหายัยนั่นสินะ ?

                 ก็แบบนั้นแหละ  ส่วนชั้นจะเฝ้ามาริสะอยู่ที่นี่  ยังไงป่านี่มันก็มีโยวไคกินคนอยู่  จะปล่อยมาริสะไว้คนเดียวก็อดเป็นห่วงไม่ได้

                เรย์มุเกาหัวแกรกๆ  แล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

                 อะไรๆก็มาลงที่ชั้นคนเดียวเลยน้อ  ก็ได้ๆ  แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าเกิดต้องตีกันตอนนี้ชั้นมีหวังไปไม่กลับแน่ๆล่ะ  เพราะช่วงนี้มันเป็นช่วงหนึ่งของปีที่พลังวิญญาณชั้นจะตกลงมากซะด้วย

                 หา ?  แล้วที่ว่าตกลงเนี่ย  มันตกลงซักขนาดไหนกันล่ะ ?

                 ก็ประมาณว่าถูกลดขั้นจากแม่ทัพมาเป็นทหารแก่ล่ะมั้ง  ถ้าเป็นตอนนี้จะสู้ยามเฝ้าประตูได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย

                 แบบนั้นก็อันตรายสุดๆเลยน่ะสิ

                 เอาเถอะ  ยังไงก็คงไม่ต้องมีเรื่องกันหรอกมั้ง  มองในแง่ดีไว้ก่อน  แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยเผ่นก็ได้

                เธอพูดพลางเดินไปหยิบการ์ดกักวิญญาณมาจากมือมาริสะ  แล้วโบกมือเป็นเชิงร่ำลา

                 เดี๋ยวก่อนเรย์มุ

                รินโนสุเกะรั้งมิโกะสาวไว้พร้อมกับหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋ามอบให้กับเธอ  มันคือเตาแปดเหลี่ยมอาวุธคู่ใจของมาริสะนั่นเอง

                 ยังไงก็พกไอ้นี่ไปด้วยแล้วกัน  เผื่อคับขันอาจจะพอเอามาใช้ประโยชน์ได้มั่ง

                มิโกะขาวแดงรับเตาแปดเหลี่ยมมาเก็บไว้  ถึงแม้เธอจะไม่คิดว่าของแบบนี้จะมีประโยชน์อะไรกับคนที่ไม่ใช่จอมเวทย์อย่างเธอ  แต่ก็เอาเถอะรับไว้คงไม่เสียหลาย  อย่างน้อยถ้าช่วยมาริสะได้แล้วค่อยเอามาไถเงินเป็นค่าช่วยทีหลังก็ยังดี

                 เอาเถอะ  ยังไงก็ฝากยัยนั่นด้วยแล้วกัน  ชั้นไปล่ะ

                เธอกล่าวพลางก็ปิดประตูเดินออกไป

       

       

                ตอนที่เรย์มุมาถึงคฤหาสถ์มารแดง  ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เรมิเรียกำลังนั่งจิบชายามเย็น  แต่จริงๆแล้วปกติไม่ว่าเธอมาตอนไหนก็เป็นเวลาจิบชาของแวมไพร์โลลิคนนี้ทุกครั้ง  จนคล้ายกับว่าเวลาในหนึ่งวันของเธอคนนี้หมดไปกับการนอนหลับและจิบชาเพียงแค่สองอย่างก็ไม่รู้

                ซึ่งถ้ามันมีแค่นี้จริงๆ  มิโกะสาวคงจะยินดีมากเลยทีเดียว

                เรมิเรียวางถ้วยชาลงช้าๆ  แล้วหันมาหาทักทายกับเธอ

                 น่าแปลกจริงนะ  ที่มีแขกมาเยือนในเวลาแบบนี้

                 ความจริงก็ไม่ค่อยอยากมาหรอก  แต่พอดีมีธระกับพาชูวลี่นิดหน่อยน่ะ

                เรมิเรียมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย  เพราะเธอจำได้ว่าปกติแล้วไม่เคยเห็นมิโกะสาวจะไปสนทนาะทีกับพาเช่เพื่อนของเธอซักเท่าไหร่

                 ถ้าพาเช่ล่ะก็  ตอนนี้อยู่ในห้องสมุดแน่ะ  ว่าแต่อุตส่าห์มาแล้วจะไม่มานั่งจิบชาเป็นเพื่อนกันซักหน่อยหรือ ?

                 โทษทีนะ  แต่เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน

                มิโกะสาวกล่าวตัดบทพลางเดินเข้าไปในคฤหาสถ์  แต่เธอก็พบว่าเรมิเรียกลับมายืนขวางหน้าเธออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

                 จะรีบร้อนไปไหนกันล่ะเรย์มุ  เจ้าบ้านอุตส่าห์มีน้ำใจชวนจิบชาแต่แขกเมินกันแบบนี้มันเสียมารยาทนา

                มิโกะสาวแม้มีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม  แต่ความจริงแล้วเธอกำลังพยายามเก็บอาการอย่างเต็มที่  วันนี้เธอจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทุกชนิด  เพราะถึงแม้เรมิเรียจะไม่ใช่พวกชอบอาละวาด  แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่ทำอะไรประหลาดๆขึ้นมาตอนนี้

                 น่าแปลกจังนะ  ทั้งที่เธอมาคนเดียวแท้ๆ  แต่ทำไมชั้นถึงรู้สึกถึงพลังวิญญาณสองดวงได้กันน้อ  คงไม่ใช่ว่าเธอแอบผนึกวิญญาณของใครบางคนแล้วพกมาด้วยหรอกนะ

                มิโกะสาวไม่ได้ตอบว่าอะไร  แต่เธอรู้สึกได้ว่าตอนนี้ที่มือมีเหงื่อไหลออกมาจนเปียกชุ่ม

                 แหม  ไอ้ชั้นเองมันก็คนอยากรู้อยากเห็นซะด้วย  บอกหน่อยได้มั้ยล่ะว่าเป็นวิญญาณของใคร ?  แล้วดูท่าที่จะมาหาพาเช่ก็คงเป็นเรื่องนี้ด้วยสิ ?

                มิโกะสาวแอบสบถในใจ  วันนี้เธอรู้สึกยังกับว่าแวมไพร์ข้างหน้านี้เป็นฮิกกี้โลกไต้ดินที่อ่านใจคนได้ยังไงยังงั้น

                 เอาไงดีล่ะ  ถ้าเธอไม่บอกชั้นก็คงให้ผ่านไปไม่ได้หรอกนา

                เรย์มุพบว่าตอนนี้เธอเจอทางตันซะแล้ว  เธอถอนใจเฮือกหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

                 ก็ได้ๆ  ให้ตายสิ  วันนี้นี้มันช่างวุ่นวายจริงๆ  แต่ถ้าบอกแล้วต้องให้ชั้นผ่านไปหาพาชูวลี่นะ

                 แน่นอนสิ  คนอย่างชั้นไม่ผิดสัญญาหรอก

                มิโกะสาวหยิบการ์ดที่มีวิญญาณของมาริสะออกมาแล้วบอกว่า

                 ก็อย่างที่เธอเดานั่นล่ะ  มาริสะถูกกักวิญญาณไว้ในการ์ดนี่  ที่ชั้นมาหาพาชูวลี่ก็เพื่อที่จะหาวิธีเอาวิญญาณยัยนี่กลับร่างนี่แหละ

                 เห  ยัยหัวขโมยนั่นก็มีวันโดนจับแบบนี้ด้วยแฮะ

                แวมไพร์สาวกล่าวพลางมองดูการ์ดในมือเรย์มุไม่วางตา

                 ประมาณนั้นแหละ  งั้นชั้นไปล่ะ

                เรื่องมันควรจะจบที่ตรงนี้  แต่เรย์มุพอจะเดินผ่านเรมิเรียไป  ก็กลับถูกดึงแขนเอาไว้อีก

                 อะไรของเธออีกล่ะ  ไหนว่าบอกแล้วจะยอมให้ผ่านไปไง

                แวมไพร์สาวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น  กล่าวช้าๆ

                 เรย์มุ  ชั้นให้เธอไปก็จริง  แต่ยังไม่ได้พูดซักคำเลยนะว่าจะให้มาริสะไปด้วยน่ะ

                แวมไพร์สาวกล่าวต่อว่า

                 สำหรับชั้นแล้วมาริสะเป็นตัวกวนใจที่ชอบมาขโมยของแถมทำข้าวของที่นี่พังบ่อยๆ  ถ้าเป็นเธอก็คงจะรู้นะว่าชั้นรำคาญขนาดไหน

                 ก็พอจะเข้าใจล่ะนะ  ยัยนั่นก็ชอบหาเรื่องปวดหัวาให้ชั้นบ่อยๆเหมือนกัน  แต่ยังไงยัยนั่นก็เป็นเพื่อนของชั้น  เพราะงั้นมนก็ช่วยไม่ได้น่ะนะ

                 อืมม์  นั่นก็ใช่อยู่  แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนของชั้นซะด้วยสิ

                 แล้วเธอจะเอายังไง ?

                 จะช่วยส่งที่ผนึกวิญญาณมาริสะมาให้หน่อยได้มั้ยล่ะ ?

                มิโกะสาวไม่พูดอะไร  เรมิเรียก็ไม่ได้พูดอะไรอีก  ทั้งคู่เพียงแต่จ้องหน้ากันเงียบๆเท่านั้น

                ผ่านไปครู่หนึ่ง  มิโกะสาวจึงค่อยเอ่ยขึ้นก่อน

                 ถึงชั้นจะขอร้องยังไง  ก็คงจะไม่ยอมให้ผ่านไปแน่ๆใช่ไหม ?

                เรมิเรียไม่ได้ตอบ  เพียงแค่ยิ้มเป็นเชิงไม่ปฎิเสธ

                เรย์มุเข้าใจแล้ว  เธอพบว่ายังไงวันนี้ก็คงไม่มีทางเลี่ยงการต่อสู้ได้แน่ๆ

                ถ้าหากจะช่วยมาริสะ  ก็มีแต่ต้องสู้เท่านั้น

                เรมิเรียแสยะยิ้มอย่างหี้ยมเกรียม  อันที่จริงเธอก็รู้แต่แรกแล้วว่าวันนี้พลังจิตของมิโกะสาอ่อนลงไปมาก  ไม่งั้นก็คงไม่เสียเวลาคุยอยู่ตั้งนานสองนานหรอก  แต่ยังไงเธอก็อยากรู้อยู่ดีว่ามิโกะสาวจะยอมต่อสู้โดยไร้หนทางชนะเพื่อเพื่อนจอมหาเรื่องรึเปล่า  และเรย์มุก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังเลย

                 ให้ตายสิ  มนุษย์นี่มันน่าสนุกจริงๆ

                แวมไพร์สาวแอบหัวเราะอยู่ในใจ

       

       

                แผ่นยันต์จำนวนมากไหม้อยู่กับพื้น  แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเรมิเรียได้แม้แต่น้อย  การต่อสู้ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เธอจึงทำได้แค่หลบหลีกและป้องกันเพื่อหาจังหวะเพียงอย่างเดียว  น่าเสียดายที่เรมิเรียเองก็รู้เหมือนกันว่าเธอคิดอะไรอยู่  จึงไม่ผลีผลามเข้ามาแต่คอยสาดกระสุนเวทย์ใส่จากระยะไกลอย่างรอบคอบเท่านั้น

                กระสุนเวทย์ถูกบีบลงให้แคบลงเรื่อยๆ  เรย์มุเองก็เริ่มจะหลบไม่พ้นแล้ว  เธอรู้ดีว่าอีกไม่นานตัวเองจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ  แต่ถึงอย่างนั้นในประกายตาของเธอก็ยังฉายแววมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้

                เพราะถ้าเธอแพ้  มาริสะก็ตาย

                แต่ในช่วงเวลาที่แสนคับขันนี้  จะมีวิธีไหนเอาชนะได้กัน ?

                เรย์มุไม่มีเวลาอีกแล้ว  หากเป็นแบบนี้อีกไม่เกินสามนาทีคงจะจนมุมแน่  แต่ในตอนนั้นเอง  ก็พลันมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

                "ให้ฉันออกไปแทนเถอะเรย์มุ !"

                เรย์มุตกใจจนต้องอุทานออกมา

                 มาริสะ ?

                 ตอนนี้เธอไม่ไหวหรอก  ให้ชั้นออกไปสู้แทนสิ  ถ้าเป็นชั้นล่ะก็เอาชนะได้แน่ !”

                เสียงของมาริสะยังดังขึ้นมาอีก

                เรย์มุตกใจมาก  เพราะเสียงนั่นออกมาจากการ์ดมาริสะ  แต่เสียงนั่นกลับมีแต่เรย์มุคนเดียวที่ได้ยิน

                "แล้วจะออกมาสู้แทนได้ยังไง  ตอนนี้เธอไม่มีร่างนะ"

                "ใช้การ์ดของชั้นสิ  ถ้าใช้มันแล้วชั้นก็จะออกไปสู้แทนเธอได้"

                ในช่วงเวลาคับขัน มิโกะสาวไม่มีเวลาคิดมาก  จึงรีบใช้การ์ดของมาริสะตามที่บอก

                พริบตานั้นก็พลันเกิดแสงประหลาดพุ่งออกมจากการ์ด  เงาจางๆของมาริสะพุ่งออกมาจากการ์ดเข้าสู่ร่างเรย์มุ  พร้อมกับทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

                ชุดมิโกะของเรย์มุเปลี่ยนจากแดงขาวเป็นดำขาว  ริบบิ้นที่หัวก็เปลี่ยนเป็นหมวกแหลมแบบจอมเวท  พร้อมทั้งแววตากับสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

                มีพลังประหลาดแผ่ออกมาจากร่างเรย์มุอย่างรุนแรง  ทำให้กระสุนพลังของเรมี่ที่ล้อมเรย์มุเอาไว้ถูกทำลายจนหมด

                เรย์มุแสยะยิ้มอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  แววตาก็คมกริบเป็นคนละคน  ใช่แล้ว  นั่นไม่ใช่ใบหน้าของเรย์มุ

                นั่นคือใบหน้าของมาริสะ !

                "ชั้นมาแล้วเฟ้ย !!"

                เสียงของมาริสะดังออกมาจากปากเรย์มุ  ทำให้เรมี่ต้องผงะจนอุทานออกมา

                "มาริสะ ?"

                มาริสะในร่างของเรย์มุหยิบการ์ดใบเดิมออกมา  เธอใช้การ์ดนั่นอีกครั้งก็มีไม้กวาดคู่ใจพุ่งทะลวงหน้าต่างบ้านมารแดงเข้ามาสู่มือ

                "บอกไว้ก่อนนะเรมิเรีย  ว่าชั้นคนนี้ไม่ชอบทำอะไรจุกจิกหยุมหยิมแบบเรย์มุหรอก  ถ้าลองชั้นได้ลุยแล้วล่ะก็  รับรองว่ามันจะเป็นไคลแมกซ์ตั้งแต่ต้นจนจบเลย !"

                เธอกระโดดขึ้นไปขี่ไม่กวาดคู่ใจ  แล้วพุ่งทะยานเข้าหาคุณหนูแวมไพร์ราวกับพายุ

                "ไปล่ะ  ไปล่ะ  ไปล่ะเฟ้ย !!"

                การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างรุนแรง  พลังของมาริสะกับเรย์มุรวมกันเป็นหนึ่งทำให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าปกติซะอีก  เพียงไม่นานเท้าของมาริสะก็ถีบเข้าที่ท้องของเรมิเรียจนเธอต้องกระเด็นไป

                "อย่าทำเป็นได้ใจเกินไปนักนะมาริสะ !!  อย่าลืมนะว่าชั้นยังมีสิ่งนี้อยู่"

                เธอเรียกหอกกุงนีล์ออกมากระชับมั่น  หอกนี้มีพลังทำลายสูงยิ่งกว่าอาวุธไหนๆ  และในระยะประชิดแม้ว่ามาริสะจะใช้มาสเตอร์สปาร์คก็ไม่มีทางสู้ได้แน่นอน

                แต่มาริสะก็ไม่ได้มีทีท่าหวาดกลัวซักเท่าไหร่  ยังคงแสยะยิ้มอย่างเริงร่าเหมือนเดิม 

                "เฮ้ย เฮ้ย  อย่าคิดว่ามีแต่ตัวเองที่มีของแรงสิฟะ"

                มาริสะหยิบเตาแปดเหลี่ยมคู่ใจออกมาแล้วเสียบด้ามไม้กวาดเข้าไปในเตา  พลังงานจากเตาไหลจึงไหลออกมารวมกันที่ด้ามไม้กวาดเหมือนกับคมดาบ

                "ไปล่ะนะ  เรย์มุ"

                เรมิเรียพุ่งเข้ามาพร้อมกับกุงนีล์  ในช่วงเวลาพริบตานั้น  มาริสะก็ได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดฟาดด้ามไม้กวาดที่เป็นเหมือนดาบออกไป

                "รับไปซะ  ท่าไม้ตายของชั้น !!"

                พลังทำลายที่เคยกระจัดกระจายของไฟนอลสปาร์คเมื่อมารวมกันอยู่เป็นจุดเดียวย่อมรุนแรงขึ้นหลายเท่า  แน่นอนว่าแม้แต่หอกของเรมิเรียก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้  ด้วยพลังที่รุนแรงนั้นทำให้กุลนีล์สลายไปในพริบตา  ส่วนเรมิเรียก็โดนคลื่นพลังซัดจนกระเด็นทะลุกำแพงคฤหาสหายไปในทันที

                "หึ  มันต้องแบบนี้สิถึงจะเจ๋ง !"

                "นี่เหรอ..  พลังของพวกเราที่รวมกันเป็นหนึ่ง"

                เสียงเรย์มุพึมพัมขึ้นจากในการ์ด

                "ได้อาละวาดเต็มที่แบบนี้สะใจเป็นบ้า  ไอ้คนอย่างชั้นมันก็ต้องเล่นแบบนี้ล่ะนะถึงจะเหมาะ"

                มาริสะบิดขี้เกียจไปมาด้วยใบหน้าแสนระรื่น

                "เฮ้ๆ  ถ้าลุยเสร็จแล้วก็เปลี่ยนตัวกลับซะสิ  นั่นมันร่างชั้นนา"

                "อย่าพูดงั้นซี่เรย์มุ  นานๆจะมีของสนุกแบบนี้มาให้เล่นที  เราไปไล่เตะพวกโยวไคเล่นกันก่อนดีกว่าน่า"

                "ยัยบ้า  เอาร่างชั้นไปทำเรื่องพรรค์นั้นได้เรอะ  ยังไงชั้นก็มีอิมเมจของมิโกะแห่งฮาคุเรย์ค้ำคออยู่นะ  เดี๋ยวยัยป้าร่มก็โผล่มากินหัวเอาหรอก"

                "จะกลัวอะไรเล่า  ยังไงเรารวมกันก็ไร้เทียมทานอยู่แล้ว  ตอนนี้ชั้นฟิตบั๋งสุดๆเลยนะเฟ้ย  จะหน้าไหนๆก็มาเหอะ  แม่จะไล่ฟาดกระบาลให้กระเจิงเลย"

                "เฮ้ยๆ  อย่ามาทำเป็นเล่นน่า  ตอนนี้ถ้าไม่รีบเอาร่างชั้นคืนมาล่ะก็มีหวังเธอได้ร้องไห้ทีหลังแน่ๆนา  จะเอางั้นจริงเร้อ"

                "หมายความว่าไง ?"

                "หึ  ก็ตอนนี้คิดว่าใครกันล่ะที่คอยเฝ้าร่างเธอที่เป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่น่ะ"

                "หา ?"

                "หน้าตาตอนนอนของเธอเองก็บ้องแบ๊วไม่ใช่เล่นเหมือนกันนี่นะ  เจ้าหมอนั่นเองมันก็เป็นหนุ่มโสดซะด้วย..."

                "ยะ.. อย่ามาพูดบ้าๆนะเฟ้ย ! ลองเจ้าบ้านั่นทำอะไรร่างชั้นสิ  รับรองว่าศพไม่สวยแน่ !"

                "ใครมันจะไปรู้ล่ะ  แต่ถ้าตอนนี้ไม่รีบหาวิธีคืนร่างล่ะก็จะเป็นไงก็ไม่รู้นะ"

                "หนอย... งั้นชั้นจะบินกลับไปซัดเจ้านั่นให้เดี้ยงเดี๋ยวนี้แหละ !"

                "ใครจะยอมให้ไปเล่า !  เอาร่างชั้นคืนมาเดี๋ยวนี้นะ !"

                พอทะเลาะกันมาถึงตรงนี้อยู่ๆมาริสะก็รู้สึกว่าร่างกายขยับไม่ได้ดังใจ  กรเคลื่อนไหวก็เริ่มติดขัด  เหมือนกับว่าเรย์มุกำลังพยายามชิงร่างของตัวคืน

                "เรย์มุ...  นี่เธอ..."

                "อย่าลืมสิว่าชั้นเป็นมิโกะที่มีพลังของคนทรงมาแต่โบราณ  เมื่อร่างชั้นเหมาะจะเป็นร่างทรง  ก็ย่อมมีพลังต่อต้านเวลาถูกสิงร่างด้วยเหมือนกัน !"

                "ฮึ่ม... ใครมันจะไปยอมแพ้ง่ายๆฟะ !"

                ทั้งที่พูดแบบนั้นแต่มือของเธอก็กลับไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียแล้ว  ในตอนนี้ดูเหมือนเรย์มุจะเป็นฝ่ายชนะ  จิตวิญญาณของเธอจึงค่อยๆบังคับร่างให้หยิบเสปลการ์ดกักวิญญาณออกมาช้าๆ

                "เอาคืนมาได้แล้วมาริสะ !"

                พอพูดจบแสงแวบหนึ่งก็พุ่งออกจากร่างเรย์มุกลับสู่การ์ด  ส่วนชุดของเรย์มก็กลับเป็นแบบเดิมเรย์มุพึมพัมขึ้น

                "ให้ตายสิยัยนี่  เป็นตัวปัญหาตั้งแต่ต้นยันจบเลยนะ"

       

                "ดูท่าจะได้ของเล่นที่น่าสนุกมานะเรย์มุ"

                เรย์มุหันหน้าไปตามเสียง  ก็พบว่าพาชูวลี่มาอยู่ข้างหน้านี่แล้ว  โยวไคหนอนหนังสือผู้รอบรู้มองดูรูที่กำแพงพลางบ่นพึมพำ

                "ไม่ไหวๆ  เล่นซะเอิกเกริกจนนอนไม่หลับเลย  พักนี้ชั้นยิ่งไม่ได้นอนอยู่ด้วย"

                "อา  โทษทีก็แล้วกัน  แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่  ดูท่ายัยนั่นก็พยายามจะให้ความเสียหายน้อยที่สุดแล้วนะเลยใช้วิธีนี้"

                "ก็คงใช่แหละ  ด้วยพลังของพวกเธอที่รวมกัน  ถ้าเล่นยิงมาสเตอร์สปาคเต็มแรงมามีหวังคฤหาสได้โดนถล่มราบไปแล้วแน่ๆ  แต่ถึงยังงั้นมันก็ไม่เกี่ยวกับชั้นอยู่ดีแหละ"

                "ยังทำตัวเฉื่อยชาเหมือนเดิมนะ  แต่ก็เอาเถอะ  ยังไงก็คงรู้เหตุผลที่เรามากันแล้วสินะ"

                "อา  เห็นเธอเล่นละครโวยวายอยู่คนเดียวเมื่อกี๊ก็พอจะเข้าใจได้แล้วล่ะ"

                "แล้วไง  แล้วชั้นต้องทำยังไงมั่ง ?"

                สาวน้อยผู้เฉื่อยชาปรายตามองเรย์มุ  ก่อนจะหันหลังเดินกลับ

                "ชั้นก็คิดเหมือนเรมี่นั่นแหละ  แล้วถ้ามาริสะหายไป  หนังสือที่ยัยนั่นขโมยไปก็จะได้กลับมาซักที  ที่นี่เองก็น่าจะสงบสุขขึ้นเยอะด้วย"

                มิโกะสาวเกาหัวแกร่กๆ  ยิ้มเจื่อนๆพลางบ่น 

                "ยัยมาริสะเอ๊ย...  ดูท่าเธอจะมีคนรักเยอะแยะเหลือเกินนะ  แล้วแบบนี้จะเอาไงดีเนี่ย ?"

                พาชูวลี่ยังคงไม่หันกลับมา  แต่พูดเบาๆว่า

                "ก็ไม่ต้องทำอะไร  แต่เอาการ์ดกลับไปวางไว้ที่หน้าอกมาริสะแล้วดึงพลังของการ์ดออกมาใช้ก็พอ  เดี๋ยววิญญาณมันก็กลับของมันไปเองนั่นแหละ"

                เธอโบกมือเป็นเชิงไล่แขกแล้วกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า

                "ยังไงซะ  ถ้ายัยนั่นยังอยู่ทางนี้ก็มีคงเรื่องวุ่นวายให้หายเบื่อได้มั่งล่ะนะ"

       

                เรื่องราวหลังจากนี้  ก็ดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น

                วิญญาณมาริสะกลับคืนร่าง  ส่วนโควรินที่คอยเฝ้ามาริสะด้วยความเป็นห่วงก็โดนมาริสะเอาไม้กวาดกระหน่ำฟาดจนต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว  แต่ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นก็จะเป็นมาริสะเองนั่นแหละที่คอยไปดูแลเยี่ยมไข้โควรินที่ร้านอยู่ทุกวี่ทุกวัน  แถมดูท่าทางมีความสุขยังไงก็ไม่รู้ด้วยสิ

                เรมิเรียกลับบ้านมาตอนกลางดึกด้วยสภาพสะบักสะบอม  แต่ก็ยังแสยะยิ้มด้วยความพอใจที่ได้พบคู่มือที่แข็งแกร่ง   ดูท่าเธอจะอยู่มานานจนเบื่อเต็มทีแล้วล่ะมั้ง  บางทีการมีมาริสะอยู่ก็คงแก้เบื่อให้เธอได้ไม่น้อยเลย  ตอนที่พาชูวลี่มาดื่มชากับเธอจนเช้าตรู่จึงได้ยินคุณหนูแวมไพร์กล่าวในทำนอง "มนุษย์นี่มันช่างน่าสนใจจริงๆ" ไม่หยุดปาก

                เรย์มุที่ปิดคดีไปได้อีกหนึ่งเรื่องก็กลับศาลเช้าไปนั่งจิบชาตามปกติ  ในวันนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวันที่แสนสงบสุข

                เป็นความสงบสุขที่แสนจะคุ้นเคย  จนกระทั่งได้ยินเสียงโวยวายของเพื่อนรักจอมอาละวาดวิ่งหน้าตื่นพลางร้องโวยวายอะไรมาหานั่นแหละ

                มิโกะสาวยิ้มเล็กน้อย  ก่อนจะวางถ้วยชาลงช้าๆ  เพื่อเงี่ยหูฟังว่าเกิดคดีประหลาดอะไรขึ้นอีก

                ใช่แล้ว  วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ไม่ได้ต่างจากวันวาน  เป็นแต่ละวันที่สงบสุขบ้าง  วุ่นวายบ้างตามประสาเกนโซเคียวที่มีผู้อยู่อาศัยมากหน้าหลายตา

                "ไปกันเถอะมาริสะ"

                "โอ้ !  ลุยกันเลยเรย์มุ !"

                นี่แหละคือชีวิตแต่ละวันที่แสนจะปกติธรรมดาของมิโกะขาวแดง  ผู้รักษาสมดุลและความสงบสุขของเกนโซเคียวมาแต่โบราณ

       

      ---------------------------------- จบ ----------------------------------

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×